กรด-เบส
นิยาม กรด - เบส
Arrhenius
Concept
กรด
คือ สารประกอบที่มี H และเมื่อละลายน้ำจะแตกตัวให้ H+ หรือ
H3O+
เบส
คือ สารประกอบที่มี OH และเมื่อละลายน้ำจะแตกตัวให้ OH-
ข้อจำกัดของทฤษฎีนี้คือ
สารประกอบต้องละลายได้ในน้ำ และไม่สามารถอธิบายได้ว่า ทำไมสารประกอบบางชนิดเช่น NH3
จึงเป็นเบส
Bronsted-Lowry
Concept
กรด
คือ สารที่สามารถให้โปรตอน (proton donor) แก่สารอื่น
เบส
คือ สารที่สามารถรับโปรตอน (proton acceptor) จากสารอื่น
ปฏิกิริยาระหว่างกรดกับเบสจึงเป็นการถ่ายเทโปรตอนจากกรดไปยังเบสเช่นแอมโมเนียละลายในน้ำ
NH3(aq) +
H2O(1) = NH4+ (aq) + OH- (aq)
base 2
........acid 1 ........acid 2 ........base 1
ในปฏิกิริยาไปข้างหน้า
NH3 จะเป็นฝ่ายรับโปรตอนจาก H2O ดังนั้น
NH3 จึงเป็นเบสและ H2O เป็นกรด
แต่ในปฏิกิริยาย้อนกลับ NH4+ จะเป็นฝ่ายให้โปรตอนแก่ OH- ดังนั้น
NH4+ จึงเป็นกรดและ OH- เป็นเบส
อาจสรุปได้ว่าทิศทางของปฏิกิริยาจะขึ้นอยู่กับความแรงของเบส
Lewis
Concept
กรด
คือ สารที่สามารถรับอิเลคตรอนคู่โดดเดี่ยว (electron pair acceptor) จากสารอื่น
เบส
คือ สารที่สามารถให้อิเลคตรอนคู่โดดเดี่ยว (electron pair donor) แก่สารอื่น
ทฤษฎีนี้ใช้อธิบาย
กรด เบส ตาม concept ของ Arrhenius และ
Bronsted-Lowry ได้ และมีข้อได้เปรียบคือสามารถอธิบาย กรด เบส
ในกรณีที่เกิดปฏิกิริยาระหว่างกัน และได้สารประกอบที่มีพันธะโควาเลนซ์ เช่น
OH - (aq) +
CO2 (aq) HCO3- (aq)
BF3 + NH3
BF3-NH3
ชนิดของกรดและเบส
ชนิดของกรด
1.กรด
Monoprotic แตกตัว 1
ได้แก่ HNO3 , HClO3 , HClO4 , HCN
2.กรด
Diprotic แตกตัว 2
ได้แก่ H2SO4 , H2CO3
3.กรด
Polyprotic แตกตัว 3
ได้แก่ H3PO4
การแตกตัวของกรด
Polyprotic แต่ละครั้งจะให้ H+ ไม่เท่ากัน
แตกครั้งแรกจะแตกได้ดีมาก ค่า Ka สูงมากแต่แตกครั้งต่อ ๆ ไปจะมีค่า Ka
ต่ำมาก เพราะประจุลบในไอออนดึงดูด H+ ไว้ดังสมการ
H2SO4 H+ +
HSO4- Ka1 = 1011
HSO4- H+ +
SO42- Ka2 = 1.2 x 10-2
เนื่องมาจากกรด
Polyprotic มักมีค่า K1>>K2>>K3 H+ ในสารละลายส่วนใหญ่จะได้มาจากการแตกตัวครั้งแรก
ถ้าค่า
K1 มากกว่า K2 =103
เท่าขึ้นไปจะพิจารณาค่า pH ของสารละลายกรด Polyprotic ได้จากค่า
K1 เท่านั้น แต่ถ้าค่า K2
มีค่าไม่ต่ำมาก จะต้องนำค่า K2 มาพิจารณาด้วย
ชนิดของเบส
เบส
แบ่งตาม จำนวน OH- ในเบส แบ่งได้เป็น 3
ชนิด คือ
1.เบสที่มี
OH- ตัวเดียว เช่น LiOH NaOH KOH RbOH CsOH
2.เบสที่มี
OH- 2 ตัว เช่น Ca(OH)2 Sr(OH)2 Ba(OH)2
3.เบสที่มี
OH- 3 ตัว เช่น Al(OH)3 Fe(OH)3
ความแรงของกรดและเบส
กรดแก่
( strong acid) คือกรดที่สามารถแตกตัวได้ 100%
ในน้ำ เช่น HCl H2SO4 HN03 HBr HClO4 และ HI
เบสแก่
( weak base) คือกรดที่สามารถแตกตัวได้ 100%
ในน้ำ เช่น Hydroxide ของธาตุหมู่ 1
และ 2 ( NaOH LiOH CsOH Ba(OH) 2 Ca(OH) 2 )
กรดอ่อน
( weak acid) คือกรดที่สามารถแตกตัวเป็นไอออนได้เพียงบางส่วน
เช่น กรดอะซิติคในน้ำส้มสายชู (vinegar) ยาแอสไพริน (acetylsalicylic
acid) ใช้บรรเทาอาการปวดศรีษะ saccharin เป็นสารเพิ่มความหวาน
niacin (nicotinic acid) หรือ ไวตามินบี เป็นต้น
ตัวอย่างปฏิกิริยาของสารละลายกรด CH 3COOH ในส่วนผสมของน้ำส้มสายชูจะมีดังนี้ :
CH 3COOH
(aq) + H2O (1) H3O + (aq) + CH3COO - (aq) มีค่า K a
เบสอ่อน
(weak base) คือเบสที่สามารถแตกตัวเป็นไออนได้เพียงบางส่วน
เช่น NH 3 urea aniline เป็นต้น ตัวอย่างปฏิกิริยาของ ammonia มีดังนี้
NH3(aq) +
H2O (aq) NH4 + (aq) + OH - (aq)
เนื่องมาจากกรด
Polyprotic มักมีค่า K 1 >> K 2 >> K 3
H + ในสารละลายส่วนใหญ่จะได้มาจากการแตกตัวครั้งแรก
ถ้าค่า
K 1 มากกว่า K 2 =10 3
เท่าขึ้นไปจะพิจารณาค่า pH ของสารละลายกรด Polyprotic ได้จากค่า
K 1 เท่านั้น แต่ถ้าค่า K 2
มีค่าไม่ต่ำมาก จะต้องนำค่า K 2 มาพิจารณาด้วย
เบส
แบ่งตาม จำนวน OH - ในเบส แบ่งได้เป็น 3
ชนิด คือ
1. เบสที่มี
OH - ตัวเดียว เช่น LiOH NaOH KOH RbOH CsOH
2. เบสที่มี
OH - 2 ตัว เช่น Ca(OH) 2 Sr(OH) 2 Ba(OH) 2
3. เบสที่มี
OH - 3 ตัว เช่น Al(OH) 3 Fe(OH) 3
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น